วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตนักเรียนใหม่เตรียมทหาร ตอนที่ 3 : ปล่อยหลอก

หลังจากได้ยินคำชี้แจงเรื่องการปล่อยพักบ้านแล้ว นักเรียนใหม่อย่างพวกเราก็เกิดแรงฮึดขึ้นราวปาฏิหาริย์ ทุกคนขยันขันแข็งตั้งใจฝึกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ระบบการซ่อมนักเรียนใหม่จะเริ่มทวีความหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย จากยึดพื้น 5 ครั้ง กลายเป็น 10-20 ครั้ง พุ่งหลัง 10 ยก กลายเป็น 50 ยกบ้าง 100 ยกบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเราไหวหวั่นแต่อย่างใด ในใจเพื่อน ๆ หลายคนคงคิดเหมือนแอดมินแหละครับ "กูจะได้กลับบ้านแล้วโว้ยยย"

แต่ก็มีนักเรียนใหม่หลายคนที่รู้จักรุ่นพี่ที่เคยเรียนเตรียมทหารมาก่อน เขาเล่าให้ฟังว่าปล่อยหลอกชัวร์ๆ คือหลอกว่าจะปล่อย แต่จริง ๆ แล้วไม่ปล่อยว่างั้นเหอะ พวกนี้ก็ไม่ได้คาดหวังแต่อย่างใดว่าจะกลับบ้าน จริง ๆ มีนักเรียนใหม่ที่ไม่เชื่อเรื่องการปล่อยพักบ้านครั้งนี้อยู่ 2 ประเภทคือ พวกที่รุ่นพี่เล่าให้ฟัง กับพวกที่บ้านไกลมาก ๆ ไม่อยากกลับ เปลืองค่าเดินทาง แล้วก็ไม่มีที่พักที่ไหนในกรุงเทพ

ตัวแอดมินเองพอทราบดังนี้ก็หวั่นไหวในใจอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยความหวังลึก ๆ ที่จุดประกายอยู่ในความคิด ว่าจริง ๆ แล้วอาจจะปล่อยก็ได้นะ มันอาจจะไม่เป็นเหมือนที่เพื่อนพูดก็ได้ แต่แล้วเมื่อได้รวมแถวฟังคำชี้แจงจากพี่คอมแมนด์ท่านว่า ปล่อยพักบ้านคราวนี้ให้เตรียมเอกสาร และอุปกรณ์บางอย่างมาด้วย ยิ่งทำให้แอดมินเชื่ออย่างสนิทใจว่าจะปล่อยจริง ๆ ถึงขนาดให้ไปเตรียมเอกสารมาให้ทางโรงเรียนเตรียมทหารเลยนะ แสดงว่าเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ไม่งั้นไม่สั่งให้ไปเตรียมเอกสารมาหรอก

ระหว่างนี้เองแอดมินเริ่มมีเพื่อนหลายคนแล้ว โดยเฉพาะพวกที่นอนอยู่ในบล็อกเดียวกัน ประกอบด้วยอดีตนักเรียนนายสิบเหล่าปืนใหญ่ มาจากพัทลุง ปัจจุบันแกรับราชการอยู่กองพันทหารราบแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ เพื่อนเหล่าทหารอากาศที่มาจาก จ.ราชบุรี ก็ได้คุยได้แลกเปลี่ยนทัศนคติ ได้นินทารุ่นพี่ พอผ่อนคลายบ้าง

อา.. พรุ่งนี้ก็จะถึงวันปล่อยพักบ้านแล้ว จิตใจของแอดมินไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วที่นี้ เริ่มจดสิ่งที่อยากทำเมื่อได้ปล่อยพักบ้าน 2 วัน เสาร์-อาทิตย์นี้ ลงบนสมุดบันทึกเล็ก ๆ โปรแกรมเยอะแยะไปหมด เช่น อยากจะไปดูหนังที่เมเจอร์ อยากกินพิซซ่าฮัท อยากกินไอศกรีมสเวนเซ่น โอย เยอะแยะไปหมด ทีนี้ก็จะมีการสำรวจยอด ตามคาดคือ มีคนที่สมัครใจกลับ และสมัครใจอยู่โรงเรียน ฯ ที่ต้องมีการสำรวจยอดนักเรียนใหม่ที่จะอยู่โรงเรียนนี่ก็เพราะว่าจะได้แจ้งทางโรงเลี้ยงให้ประกอบอาหารให้รับประทานตามปกติ

ในที่สุดก็ถึงวันศุกร์ วันที่จะได้ปล่อยพักบ้านสักที หลังจากเข้าโรงเรียนเตรียมทหารมาได้ 1 สัปดาห์เต็ม เวลาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ แต่แอดมินรู้สึกว่ามันช่างเป็น 1 สัปดาห์ที่ยาวนานเหลือเกิน เหมือนมาอยู่เป็นเดือน ๆ คงเป็นเพราะว่าแอดมินเฝ้าแต่นึกถึงวันที่จะได้กลับบ้าน คิดถึงพ่อคิดถึงแม่ เหมือนดั่งกับที่ไอนสไตน์เคยกล่าวไว้ว่าเวลาเป็นสิ่งสัมพัทธ์ คือเวลาแห่งความสุขนั้นแสนสั้น แต่เวลาแห่งความทุกข์นั้นยาวนาน

วันนี้แอดมินตั้งอกตั้งใจฝึกเป็นพิเศษ รับประทานอาหารนี่ฉากไม่มีเสีย รายงานเสียงดัง ตบเท้าเสียงดัง เป๊ะๆๆๆ มีกำลังใจในการใช้ชีวิตขึ้นมาทันที จนกระทั่งมาถึงช่วงบ่ายสาม คอมแมนด์ท่านจึงให้นักเรียนใหม่ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมปล่อยพักบ้าน แหม มันช่างโกลาหลเสียจริง ๆ แย่งกันอาบน้ำ แย่งกันแต่งตัว เก็บเสื้อผ้าบางส่วนยัดใส่กระเป๋า โดยเฉพาะถุงเท้าและกางเกงในเพื่อเอากลับไปให้แม่ซักที่บ้าน (ช่างเป็นลูกที่กตัญญูได้โล่ห์) เสร็จแล้วรีบวิ่งลงมารวมแถวเพื่อตรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย ตั้งแต่โกนหนวด กันจอน ไปจนถึงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ต้องสะอาดเรียบร้อย

พี่ ๆ คอมแมนด์ท่านก็ลงมาตรวจแถวด้วยเครื่องแต่งกายชุดปกติของนักเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเป็นชุดที่ใช้เวลาปล่อยพักบ้าน ยิ่งทำให้แอดมินใจชื้นขึ้นเป็นกอง เพราะแสดงว่าพี่เขาก็น่าจะกลับบ้านเช่นกัน ไม่งั้นคงไม่ลงทุนแต่งเครื่องแบบลงมาหรอกจริงไหม

การแต่งกายชุดปกติของนักเรียนเตรียมทหาร

กว่าจะตรวจเครื่องแต่งกายเสร็จ กว่าจะชี้แจงระเบียบและการปฏิบัติตัวเมื่อปล่อยพักบ้านเสร็จ ก็ปาไปร่วมชั่วโมง ชี้แจงสารพัดไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติเมื่อรอรถสธารณะ ต้องยืนนิ่ง ตัวตรง ไม่หลุกหลิก ห้ามวิ่ง ขึ้นรถเมล์แล้วห้ามนั่ง ถ้าจะเอาสบายชัวร์ก็ขึ้นแท๊กซี่ไปเลย หากเจอรุ่นพี่ต้องทำความเคารพอย่างไร กลับเข้าโรงเรียนวันอาทิตย์เวลา 14.00 น. ตบท้ายด้วยการอวยพรให้เดินทางปลอดภัย ปาไปเกือบ 5 โมงเย็นแล้วยังไม่ได้ปล่อยพักบ้าน

ในที่สุดการฟังคำก็ชี้แจงเสร็จสิ้น ผู้กองสั่งให้คอมแมนด์นำแถวนักเรียนใหม่เดินไปปฏิญาณที่หน้าพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 หน้าตึกกองบัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร หรือตึกวาย โอ้ เห็นโลกภายนอกอยู่แค่เอื้อม นอกกรั้วโรงเรียนนี่เอง ห่างจากแอดมินไม่ถึง 20 เมตร พวกเราตั้งใจปฏิญาณกันเสียงดังฟังชัดพร้อมเพียง "ข้าพระพุทธเจ้าฯ จักรักษามรดกของพระองค์ท่าน ไว้ด้วยชีวิต" 3 รอบ แต่หลังจากปฏิญาณเสร็จแทนที่จะได้กลับบ้าน ผุ้กองท่านกลับสั่งให้คอมแมนด์พานักเรียนใหม่ไปรับประทานอาหารเย็นที่โรงเลี้ยงก่อน ประมาณว่าเป็นห่วงว่างั้นเหอะ แอดมินเองเริ่มเซ็งแล้ว ไม่ได้กลับสักที แต่ก็เอาวะ กินข้าวก่อนก็ได้

กองบัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร หรือตึกวายที่พระราม 4  (มองจาก Top view จะเหมือนตัว Y) 
ปัจจุบันเป็น โรงเรียนไทย-จีนศึกษา BNU และภัตตาคารเสวย

กองบัญชาการโรงเรียนเตรียมทหารในปัจจุบัน ที่ จ.นครนายก

ระหว่างรับประทานอาหาร ใจเริ่มตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ว่าจะได้กลับหรือไม่กลับ หกโมงเย็นกว่าแล้ว ฟ้าเริ่มครึ้ม บรรยากาศมันวังเวงพิกล อยู่ ๆ ผู้กองท่านก็ประกาศออกไมค์กลางโรงเลี้ยง ให้นักเรียนใหม่ทุกคนรวมมิตรอาหารทุกอย่างเข้าด้วยกัน นับเป็นการรวมมิตรอาหารครั้งแรกในชีวิตของแอดมินเลยทีเดียว ภาษานักเรียนเตรียมทหารเขาเรียกว่า มิกซ์ (mix) อันประกอบไปด้วย ข้าว กับข้าว 2 อย่าง และของหวาน แล้วตักแบ่งกันรับประทาน ไม่กินสบาย ๆ นะ แต่ให้ทุกคนมุดลงนั่งกินใต้โต๊ะอาหาร นั่งกินก็ลำบากอยู่แล้ว รสชาติอาหารคาวผสมปนกับอาหารหวานมันแปลกพิลึก แต่ก็ต้องทนกินให้หมดจานเพราะกลัวจะถูกทำโทษ

ระหว่างมุดโต๊ะรับประทานอาหารอยู่นั้นผู้กองก็ประกาศเสียงดังว่า มีคำสั่งจากผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร "เนื่องจากขณะนี้ได้เกิดม๊อบก่อจลาจลที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตบางกรวย เกรงว่านักเรียนใหม่จะได้รับอันตรายจากการชุมนุม จึงขอสั่งให้งดการปล่อยพักบ้าน" โอ้โห ! เหมือนสายฟ้าฟาดผ่าลงกลางใจ ความฝันที่จะได้กลับบ้านพังทลายสิ้น มันอื้ออึง มันเซ็ง มันหงุดหงิด ผสมปนเปกันไปหมด เกิดความผิดหวังอย่างแรง แอดมินเองก็ไม่ต่างอะไรใจเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่น ๆ ทุกคนเซ็งไปตามกัน ผู้กองท่านบอกว่าพวกเราทุกคนต้องเผชิญกับความผิดหวัง ไม่ช้าก็เร็ว เพราะฉะนั้นจงฝึกจิตใจให้เข็มแข็ง ต้องเป็นลูกผู้ชาย ต้องไม่หวั่นไหวต่อความเสียใจและผิดหวังที่เข้ามาในชีวิต แล้วอยู่ ๆ ท่านก็ให้นักเรียนใหม่ทุกคนร้องเพลง "แม่" ของโลโซขึ้นมา ร้องทั้ง ๆ ที่นั่งกระจุกกันอยู่ใต้โต๊ะนั่นแหละ



"ป่านนี้ จะเป็นอย่างไร จากมาไกล แสนนาน
คิดถึง คิดถึงบ้าน จากมาตั้งนาน เมื่อไรจะได้กลับ
แม่จ๋า แม่รู้บ้างไหม ว่าดวงใจ ดวงนี้เป็นห่วง
จากลูกน้อย ที่แม่ห่วงหวง อยู่เมืองหลวง ศิวิไลซ์ ไกลบ้านเรา

คิดถึงแม่ขึ้นมา น้ำตามันก็ไหล อยากกลับไป ซบลงที่ตรงตักแม่
ในอ้อมกอด รักจริง ที่เที่ยงแท้ ในอกแม่ สุขเกินใคร
อีกไม่นาน ลูกจะกลับไป หอบดวงใจ เจ็บช้ำเกินทน
เก็บเรื่องราว วุ่นวายสับสน ใจที่วกวน ของคนในเมืองกรุง"

โอ้ยคุณเอ๋ย ยิ่งร้องเพลงนี้ ใจมันยิ่งคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่คิดถึงพ่อ แอดมินกล้าพูดอย่างไม่อายเลยว่าน้ำตาแห่งความคิดถึงมันไหลออกมา มันคิดถึงบ้าน ผิดหวัง เสียใจ เจ็บใจ แต่ภายหลังเมื่อโตมาแอดมินจึงเข้าใจว่าการเผชิญหน้ากับความผิดหวังและเสียใจ มันทำให้จิตใจเราแข็งแกร่งขึ้นจริง ๆ ไม่ค่อยหวั่นไหวต่อสิ่งใดง่ายนัก

ในที่สุด หลังทานข้าวเสร็จ นักเรียนใหม่ก็ต้องกลับไปอาบน้ำแล้วปฏิบัติภารกิจตามตารางประจำวันเช่นเดิม แอดมินเริ่มทำใจได้บ้างแล้ว เราต้องอดทน ต้องเข้มแข็ง ผ่านไปให้ได้ แค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น ทำไมเราจะทนไม่ได้ วันนี้เหนื่อยจริง ๆ แล้วคืนนั้นแอดมินก็ผลอยหลับไปอย่างรวดเร็ว

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ24 กรกฎาคม 2555 เวลา 04:09

    ไม่มีต่อหรอคะ รออ่านนะคะ ^^

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ14 เมษายน 2557 เวลา 10:48

    ตอนนี้ม2แล้วครับ

    ตอบลบ