วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

เทคนิคการเรียนกวดวิชาเพื่อสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร 2

เป็นยังไงบ้างครับ ตอนนี้น้อง ๆ หาที่เรียนกวดวิชากันได้หรือยัง ถ้ายังต้องรีบแล้วนะครับ อย่าปล่อยเวลาผ่านไปน่าใจหาย สถาบันกวดวิชาเข้าเตรียมทหารมีเยอะพอสมควรนะครับ แต่ต้องพิจารณาให้ดี ๆ ครับ แอดมินขอพูดตามตรงจากประสบการณ์ว่าโรงเรียนกวดวิชาที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ เน้นแต่ด้านธุรกิจ โฆษณาเกินจริง ไม่ใส่ใจเด็กนั้น แอดมินเห็นมาพอสมควร โรงเรียนกวดวิชาที่ดีนั้นต้องเอาใจใส่เด็ก แล้วก็ทุ่มเทให้กับเด็กที่มุ่งมั่นตั้งใจเรียนครับ ส่วนเด็กที่เกเร หรือทำความเดือดร้อนให้เพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียนนั้น ก็ต้องกล้าส่งกลับบ้านครับ คือไม่ให้คนส่วนน้อยที่ไม่ดี มารบกวนหรือทำให้คนที่ตั้งใจมาเรียนเสียสมาธิเป็นอันขาด

การเรียนกวดวิชาในโค้งสุดท้ายก่อนสอบนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก (แต่ไม่ได้หมายความว่าใครไม่เรียนแล้วจะสอบไม่ติด) แต่ที่สำคัญก็คือการเตรียมความพร้อมให้ถึงจุดสูงสุด ก่อนที่จะลงสนามสอบแข่งกับคนอื่น โดยปกติแล้วเด็กที่มาสมัครสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารจะมีอยู่ประมาณ 20,000 คนไม่น่าต่ำกว่านี้ (รวม 4 เหล่าแล้ว) แต่แอดมินว่าเด็กนักเรียนที่มีความพร้อม และตั้งใจจริง ๆ ฟิตมาจริง ๆ พร้อมจริง ๆ นั้นไม่น่าจะเกิน 3,000 คนเท่านั้นเอง ส่วนที่เหลือก็เป็นเด็กที่มาสอบแบบพ่อแม่อยากให้สอบบ้าง มาลองข้อสอบบ้าง สอบตามเพื่อนบ้างซะเยอะ แต่ก็นั่นแหละ จะมีใครสักกี่คนที่เตรียมตัวล่วงหน้าและมีความพร้อมที่จะสอบจริง ๆ

ตอนแอดมินอยู่ ม.5 แอดมินใช้เวลาเตรียมตัวก่อนสอบเป็นเวลาประมาณ 8 เดือน ตั้งแต่ประมาณเดือนมิถุนายน 2541 - กุมภาพันธ์ 2542 โดยอ่านหนังสือ นิยาม เนื้อหา สูตร ข้อควรจำต่าง ๆ แล้วจดลงในสมุด อ่านทบทวนบ้าง เรื่องกีฬายอมรับว่าเลิกเล่นไปเลย เพราะแอดมินเคยเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลของโรงเรียนตอนเรียนมัธยมอยู่ด้วย จำใจต้องเลือกอนาคต เพราะอยากสอบติดเป็นนักเรียนเตรียมทหารให้ได้ จากนั้นก็เข้าเรียนกวดวิชาในโค้งสุดท้าย โดยสอบได้อยู่ห้อง 1 ของสถาบันนั้นครับ

ทีนี้ก็มาถึงเทคนิคการเรียนกวดวิชายังไงให้ได้เป็นนักเรียนเตรียมทหารแล้วนะครับ ซึ่งถ้าอยากสอบได้นั้น ควรมีสิ่งที่ต้องยึดถือดังนี้ครับ
1.มีความมุ่งมั่นตั้งใจ
2.ขยันหมั่นเพียร
3.มีความกตัญญูรู้คุณ

2.ระหว่างเรียนกวดวิชา
เทคนิคการเรียนกวดวิชาเพื่อจะเป็นนักเรียนเตรียมทหารนั้นควรยึดหลัก มุ่งมั่น-ขยัน-กตัญญู ตามที่แอดมินได้กล่าวไว้แล้วนะครับ

2.1 มุ่งมั่น - มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ไหน ๆ ก็เสียเงินมาเรียนแล้วต้องไขว่คว้าความรู้กลับไปให้ได้มากที่สุด มีสมาธินะครับ ไม่ว่อกแว่ก เรื่องแฟนตัดไว้ก่อน เข้าใจว่าวัยหนุ่ม กำลังมีฟามรัก แต่ตัดได้ตัดไปก่อน สอบติดแล้วค่อยว่ากัน ถ้าผู้หญิงคนไหนไม่ยอมรอเรา งอแงช่วงที่เรากำลังกวดวิชา เลิกได้ก็เลิกเลยครับ ถือว่าเขาไม่รักเราจริง ไม่ได้อยากให้เราได้ดี

ตั้งใจฟังที่อาจารย์สอน จดได้จด ไม่เข้าใจยกมือถาม ไม่ต้องอาย รู้ไหมครับว่าคนสอนเขาอยากให้นักเรียนถามนะครับ เขาจะได้รู้ว่านักเรียนไม่เข้าใจตรงไหน ถ้าเงียบ อาจารย์เขาก็ไม่รู้ว่าเรายังขาดตกบกพร่องตรงไหน

2.2 ขยัน - ขยันหมั่นเพียร นอกจากตั้งใจเรียนในห้องเรียนแล้ว ยังต้องทำแบบฝึกหัดทบทวนนะครับ โค้งสุดท้ายแล้ว ไม่ต้องอ่านเนื้อหามาก เน้นทำแบบฝึกหัดอย่างเดียว โดยเฉพาะข้อสอบเก่า ต้องทำให้มาก ๆ เพราะข้อสอบไม่หนีไปจากนั้นเท่าไรหรอกครับ วนไปวนมาซ้ำไปซ้ำมา

วันนี้เรียนวิชาไหน กลางคืนก็ทำแบบฝึกหัดวิชานั้นก่อนนอนครับ เน้นวิชาที่มีน้ำหนักคะแนนมากก่อน คือคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ครับ เช่น ถ้าน้อง ๆเรียนกวดวิชาทั้งหมด 30 วัน ควรเลือกทำแบบฝึกหัดวิชาคณิตศาสตร์ 9 วัน วิทยาศาสตร์ 9 วัน ภาษาอังกฤษ 7 วัน และภาษาไทย+สังคมศึกษา 5 วันครับ ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าคะแนนเลข+วิทย์ รวมกันแล้วสูงถึง 400 คะแนนจาก 700 คะแนนนะครับ เกินครึ่งนะบอกไว้ก่อน

2.3 กตัญญู - กตัญญูรู้คุณ หมายถึงต้องมีความกตัญญูรู้คุณบิดามารดา หรือผู้ปกครองที่ได้จ่ายเงินค่าเล่าเรียนให้เรา ได้มาเป็นนักเรียนติวเข้าเตรียมทหาร แอดมินขอบอกว่าไม่ใช่เงินน้อย ๆ เลยนะครับ พวกเรายังไม่ได้หาเงินเอง คงไม่เข้าใจ เงินหมื่นกว่าบาท สองหมื่นกว่าบาท หรือบางคอร์สเป็นแสนเลยก็มี มาจากการทำงานของคุณพ่อคุณแม่ทั้งนั้นครับ หาได้เสกเงินมาอย่างใดไม่ พวกเรายังเด็ก ไม่ต้องหาเงินช่วยพ่อแม่หรอกครับ หน้าที่ของเราคือตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด เราต้องให้ท่านเห็นว่าเราตั้งใจจริง มุ่งมั่นจริง ขยันจริง ถึงแม้สอบไม่ได้ดั่งใจ แต่คุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่เสียใจ ไม่ใช่มาเรียนแล้วก็เกเรโดดเรียนไปวัน ๆ

แอดมินเห็นมาจากประสบการณ์เยอะแล้วนะครับ ทั้งขณะที่กำลังเรียนกวดวิชาอยู่ ขณะเป็นนักเรียนเตรียมทหาร-นักเรียนนายร้อยไปช่วยคุมเด็กกวดวิชา ทั้งเป็นคนสอนเอง เด็ก ๆ ที่มาเรียน พอจับกลุ่มกันได้ก็อยากเที่ยว ไปเล่นเกมตามร้านเกมบ้าง ไปเดินห้างบ้าง โดดเรียนนอนอยู่ในห้องบ้าง ผลที่ได้น่ะเหรอครับ เด็กพวกนี้ "ไม่มีใครสอบติดแม้แต่คนเดียว!" เพราะฉะนั้น แอดมินขอเถอะครับ น้อง ๆ ที่มาเรียนพิเศษ ต้องตั้งใจเรียนเพื่อเป็นการตอบแทนให้ผู้มีพระคุณของเรานะครับ

ทุกวันนี้แอดมินยอมรับว่า ตัวเองได้ประสบความสำเร็จในชีวิตมาได้จุด ๆ หนึ่งแล้ว (แต่ยังมีเป้าหมายให้ทำอีกมากมาย) แอดมินมาถึงจุดนี้ได้เพราะยึดหลัก 3 ข้อนั้นแหละครับ "มุ่งมัน-ขยัน-กตัญญู" ถ้าถามว่า
ที่ผ่านมาเหนื่อยไหม?
เหนื่อยครับ
เคยท้อไหม?
 เคยท้อครับ
 แล้วผ่านมาได้ยังไง?
แอดมินก็ยึดหลัก 3 ข้อนั่นแหละครับ เวลาท้อแท้มาก ๆ คนที่แอดมินนึกถึงไม่ใช่แฟนนะครับ แต่ก็คือพ่อแม่นั่นแหละครับ ที่เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้เราผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ครับ ท้อได้ครับ แต่อย่าถอย มีทัศนคติที่ดีเข้าไว้ ปัญหามีไว้แก้ อุปสรรคมีไว้พุ่งชนครับ

สุดท้ายนี่แอดมินขอฝากเพลงนึงไว้ครับ ซึ่งเป็นเพลงที่แอดมินชอบมากเพลงนึง เอาไว้ฟังเพลงพบเจอปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตครับ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ ซึ่งพลาดไม่ได้เลย เทคนิคการทำข้อสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารครับผม

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555

เทคนิคการเรียนกวดวิชาเพื่อสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร 1

ณ ตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกแค่ประมาณ 2 เดือนนิด ๆ เท่านั้นเองก็จะถึงวันสอบแล้วนะครับ เป็นยังไงบ้าง น้อง ๆ เตรียมตัวกันหรือยัง ถ้ายัง ด่วนเลยนะครับ ต้องรีบเลยนับจากนาทีนี้เป็นต้นไป ไม่งั้นโอกาสไม่ทันมีสูงนะครับ

ผู้ปกครองและนักเรียนหลาย ๆ คนก็คงเริ่มที่จะมองหาที่เรียนกวดวิชากันแล้วใช่ไหมครับ ในตอนนี้แอดมินมีเทคนิคการเรียนกวดวิชามาฝากครับ ซึ่งจากประสบการณ์ของแอดมินเอง พอจะสรุปได้ 2 ขั้นตอน ดังนี้
1.การเตรียมตัวก่อนไปเรียนกวดวิชา
2.ระหว่างการเรียนกวดวิชา


การเตรียมตัวก่อนไปเรียนกวดวิชา

1.เตรียมอ่านเนื้อหาพื้นฐานไปก่อน สำคัญมากนะครับ หากไม่มีความรู้พื้นฐานแล้วไปเรียนเลย เนื่องจากคอร์สกวดวิชาส่วนมากนั้นมีเวลาค่อนข้างจำกัด ประมาณ 1 เดือนเศษ ที่จะต้องเรียนเนื้อหาพร้อมทำแบบฝึกหัด แน่นอนว่าจะต้องไปเร็วเป็นพิเศษเพราะเนื้อหาข้อสอบเข้าเตรียมทหารนั้นค่อนข้างยาก ถ้าไม่มีความรู้พื้นฐานไปเลย มักจะตามเพื่อนไม่ทันครับ เมื่อตามไม่ทันก็ท้อ หมดกำลังใจเอาง่าย ๆ

ทางที่ดีควรอ่านสรุปเนื้อหาทุกวิชาในชั้น ม.ต้นไปล่วงหน้าก่อน อย่างน้อยให้มีความรู้พื้นฐานเพียงพอ เมื่อไปเรียนกวดวิชาแล้วจะได้พร้อมสำหรับการเรียนการสอนแบบไปไว ๆ ของคอร์สกวดวิชา ยิ่งรู้มากยิ่งมีสิทธิ์มากครับ สมัยแอดมินอยู่ ม.5 แอดมินเตรียมตัวสอบประมาณ 8 เดือนเลยทีเดียว โดยอ่านสรุปทุกวิชา โดยค่อย ๆ ทะยอยอ่านไปก่อนเรื่อย ๆ ครับ

2.ใช้สมุดแยกวิชาละ 1 เล่ม ควรจัดแยกวิชาละเล่มครับ อย่าให้ไปปนกัน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะดวกในการเปิดหาสูตร นิยาม กฎต่าง ๆ รวมถึงแกรมม่าครับ

3.สรุปเนื้อหาสำคัญ สูตร นิยาม ลงในสมุด ไม่จำเป็นต้องลอกทั้งหมดนะครับ เราอ่านหนังสือเรียน แล้วเราก็ทำความเข้าใจและจดสูตร นิยามต่าง ๆ พร้อมตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงในสมุดครับ แอดมินเคยทำแล้ว ช่วยได้เยอะเลยทีเดียว

4.ฝึกทำแบบฝึกหัดพื้นฐาน ทำไมต้องแบบฝึกหัดพื้นฐาน ก็เพราะแอดมินอยากให้พวกเรา "แม่น" ในพื้นฐานของวิชาต่าง ๆ เสียก่อน เมื่อแม่นแล้ว เราจะพร้อมและไม่ยากที่จะขยับไปทำโจทย์ที่ซับซ้อนขึ้น เช่นวิชาคณิตศาสตร์ ก็หมั่นทำแบบฝึกหัดในหนังสือเรียนนั่นแหละครับ แอดมินรับรองว่าไม่น่าจะยากกว่าข้อสอบเข้าเตรียมทหาร หรือวิชาวิทยาศาสตร์ ในแบบเรียนมักจะโจทย์ไม่ซับซ้อนมาก แก้ปัญหาแค่ 1-2 ชั้น ซึ่งข้อสอบเตรียมทหารมักจะยากกว่านั้นครับ

เหลือเวลาอีกแค่เดือนกว่า ๆ คอร์สเตรียมทหารที่เด็ก ๆ จะไปเรียนกวดวิชานั้นก็คงจะเปิดกันแล้ว ใช้เวลา 1 เดือนที่เหลือนี่แหละครับ งดเล่น งดเที่ยวสักพัก ไม่ตายหรอกครับ หันมาตั้งใจอ่านหนังสือ มุ่งมั่นสู่การเป็นนายร้อยกันดีกว่า รุ่นพี่คนหนึ่งของแอดมินเคยพูดไว้ว่า "ยอมเสียเวลาอ่านหนังสือตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่แค่ 1-2 เดือนที่เหลือนี้ แลกกับอนาคตที่มั่นคงไปทั้งชีวิต" ถ้าสอบได้ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มนะครับ

แอดมินเข้าใจชีวิตเด็กมัธยมนะครับ (เพราะตัวเองก็เคยเป็นเด็กมัธยมมาก่อน) การเล่นกับเพื่อนมันสนุกแค่ไหน แอดมินทราบครับ แต่เวลาเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว ทนเหนื่อยอ่านหนังสือหน่อยครับ ตอนนี้ขอลากันไปด้วยเพลง ๆ หนึ่งซึ่งแอดมินชอบมากครับ เวลาที่เหนื่อย ท้อแท้ หมดกำลังใจ ก็มักจะฟังเพลงนี้ มันทำให้กลับมีกำลังใจขึ้นอีก สำหรับตอนหน้า จะเป็นเทคนิคระหว่างการเรียนกวดวิชานะครับ

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ : กว่าจะได้เป็นนักเรียนเตรียมทหาร ตอนที่ 2

ตอนนี้ก็มาถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการสอบรอบที่สองแล้วนะครับ จากที่กล่าวไปในตอนที่แล้วว่า ต่อให้เตรียมตัวสอบรอบสองอย่างไร แต่ถ้าสอบภาควิชาการในรอบแรกไม่ผ่าน ก็ไม่มีประโยชน์ต่อการสอบเลยนะครับ

แต่ก็ไม่ใช่การเตรียมตอบสอบรอบสองนั้นไม่สำคัญ ควรเตรียมร่างกายแต่พอดี ออกกำลังกายบ้าง ไม่ใช่ว่าอ่านหนังสืออย่างเดียวไม่ออกกำลังกายเลย หรือออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง เตะบอลจนเย็นจนค่ำ สุดท้ายเหนื่อยอาบน้ำนอน ไม่ได้อ่านหนังสืออีก ยังไงๆ ก็เดินทางสายกลางละกันนะครับ

หลังจากสอบภาควิชาการเสร็จแล้ว กว่าจะประกาศผลก็อีกประมาณ 2 สัปดาห์นั่นแหละครับ โดยจะประกาศผลสอบทางอินเตอร์เน็ตในช่วงก่อนวันสงกรานต์ ช่วงหลังสอบรอบแรกเสร็จเนี่ยแหละครับ ค่อยเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง แอดมินว่าจะได้ผลดีมาก ๆ เนื่องจากก่อนสอบรอบแรกเราได้ออกกำลังกายมาได้ประมาณหนึ่งแล้ว ช่วงนี้ก็จะเป็นการเพิ่มกำลัง เพิ่มสกอร์ในท่าต่าง ๆ แต่ถ้าใครไม่เคยออกกำลังกายมาเลย แล้วเพิ่งมาเริ่มช่วงนี้ เหนื่อยแน่ครับ ขอบอก

สำหรับการสอบรอบที่ 2 พอจะสรุปคร่าว ๆ ได้ดังนี้ครับ
1.การตรวจร่างกาย หรือตรวจโรค
2.การทดสอบความถนัดและวิภาววิสัย
3.การสอบพลศึกษา
4.สัมภาษณ์ ท่วงทีวาจาและความเหมาะสม

1.การตรวจร่างกายหรือตรวจโรค
เพื่อตรวจสุขภาพและตรวจหาโรค ซึ่งเป็นลักษณะของโรคที่ต้องห้าม ขัดต่อการรับราชการทหารตำรวจครับ มีเยอะแยะมาก ๆ ซึ่งแต่ละโรคก็ไม่ค่อยมีคนเป็นหรอกครับ แต่มักจะตกกันบ่อย ๆ ก็จะเป็นสายตาสั้น ตาบอดสี ฟันผุแล้วยังไม่ได้อุด ผมเองก็เห็นในเว็บบอร์ดโรงเรียนเตรียมทหารน่ะครับ ชอบถามกันบ่อย ๆ ว่าผมเป็นแผลตรงนั้นตรงนี้ สอบได้ไหมครับ แอดมินขอตอบเลยว่า ถ้าเป็นแผลเป็นนิดหน่อย ไม่ได้มีขนาดใหญ่โตโอเวอร์ก็ไม่มีปัญหานะครับ

ประสบการณ์สิบปีที่ผ่านมา เคสที่ผมเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกจากเด็กนักเรียนที่ผมสอนปีที่แล้ว ซึ่งสามารถสอบติดทั้ง 4 เหล่า พอรอบสองเลือกสอบเหล่าตำรวจ ซึ่งได้ลำดับที่ดีที่สุด รอบสองก็ผ่านทุกอย่าง แต่ไปตกตรวจโรค ซึ่งหมอวินิจฉัยว่า "เท้าแบน"

ตอนแรกผมก็งงว่าเท้าแบนคืออะไร พอไปดูเท้าของเจ้าตัว ก็ถึงบางอ้อ ลองนึกภาพนะครับ ยกเท้าตัวเองขึ้นมาดูก็ได้ ข้างใต้เท้าด้านในของเรา ปกติมันจะเว้าใช่ไหมครับ ถ้าเราเอาเท้าวางบนพื้น ก็จะเอานิ้วสออดเข้าไปได้ แต่เท้าแบนนี่คือใต้เท้าเราจะเสมอกันไปหมดเลย ไม่มีการเว้าที่ข้างเท้าด้านใน ใครนึกไม่ออกก็ดูภาพประกอบนี้ครับ


หมอบอกว่าโรคเท้าแบนขัดต่อการเป็นทหารตำรวจก็เพราะ หากยืนเดินหรือวิ่งนาน ๆ จะปวดเมื่อย และเป็นอุปสรรคด้วยครับหากต้องไปทำภารกิจที่ภูมิประเทศยากลำบาก

การตรวจร่างกายนี้ไม่มีการคิดคะแนนนะครับ มีแค่ "ผ่าน" กับ "ไม่ผ่าน" เท่านั้น

2.การทดสอบความถนัดและวิภาววิสัย
เป็นการทดสอบสมอง ความจำ ความรุ้สึกนึกคิดและพฤติกรรมของบุคคลครับ อาจเป็นแบบทดสอบบางอย่าง คำถามวกไปวนมาบ้าง แอดมินขอแนะนำว่า อย่าไปเครียดมากกับแบบทดสอบอย่างนี้ครับ ทำใจให้สบาย ๆ ไม่เครียด ไม่ซีเรียส ไม่คิดมาก เห็นอย่างไรตอบไปอย่างนั้น ข้อสอบแบบนี้แอดมินเคยเจอมาแล้วทั้งการสอบเข้าเตรียมทหาร และการสอบเป็นนักบิน ขอบอกว่าการสอบเป็นนักบิน ทำแบบทดสอบปวดหัวกว่ามากครับ เพราะงั้นข้อสอบสำหรับเด็กสอบเข้าเตรียมทหารมันจะไม่ซีเรียสขนาดนั้น ทำใจให้สบาย ๆ ไม่ต้องคิดซับซ้อนครับ พักผ่อนเยอะ ๆ และการตัดสินการสอบวิภาววิสัย คือ "ผ่าน" กับ "ไม่ผ่าน" เท่านั้นนะครับ

3.การสอบพลศึกษา
การสอบพลศึกษานี้เป็นด่านสำคัญเหมือนกันในการฟันฝ่าเข้าสู่รอบสุดท้าย บางคนซ้อมมาดี แต่วันจริงระงับความตื่นเต้นไม่ไหว ทำได้น้อยกว่าที่ซ้อมมาก็มีเยอะ บางคนไม่ได้ซ้อมมาแล้วเหนื่อยหอบแฮ่ก ๆ ผ่านบ้าง ตกบ้างก็เยอะ อย่างที่แอดมินแนะนำไปนะครับ ซ้อมร่างกายไว้ก่อน เอาให้พออยู่ตัว แล้วมาเพิ่มความหนักหน่วงช่วงหลักจากสอบรอบแรกเสร็จ ส่วนการสอบพลศึกษาจะมีทั้งหมด 8 สถานี ดังนี้ครับ



  • ดึงข้อราวเดี่ยว ดึงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ โดยการคว่ำมือโหนราวเดี่ยว แล้วดึงตัวขึ้นให้คางพ้นราว จึงจะนับ 1 ครั้ง โดยห้ามเหวี่ยงตัว ห้ามตะเกียกตะกาย เดี๋ยวกรรมการจะไม่นับนะครับ เปลืองแรงเปล่า ๆ ตัวอย่างจากคลิปนะครับ


  • วิ่งกลับตัว (วิ่งเก็บของ) โดยการวิ่งเก็บท่อนไม้ ซึ่งจะวางอยู่ในวงกลมสองวง ระยะห่างกัน 10 เมตร วงกลมวงแรกมีท่อนไม้อย่างอยู่ 2 อัน อีกวงไม่มีท่อนไม้ เมื่อได้รับสัญญาณ ก็หยิบท่อนไม้จากวงกลมแรกไปวางในวงกลมที่สอง แล้ววิ่งกลับมาหยิบท่อนไม้อีกอัน แล้ววิ่งไปที่วงกลมที่สอง แต่ไม่ต้องวางนะครับ วิ่งผ่านไปเลย ยิ่งวิ่งเร็วก็ยิ่งคะแนนเยอะ

  • ลุกนั่ง (หรือซิตอัพนั่นแหละ) นอนหงายบนเบาะ แล้วทำการซิตอัพให้ซอกขึ้นมาแตะเข่า กรรมการจึงจะนับให้ 1 ครั้ง ทำให้มากที่สุดในเวลา 30 วินาทีนะครับ

  • วิ่ง 50 เมตร ก็วิ่งให้เร็วที่สุดละกันนะครับ ภาษานักเรียนเหล่าเรียกว่า "ปล่อยม้า"

  • ยืนกระโดดไกล ยืนนะครับ ไม่ใช่วิ่งมากระโดดไกล ยืนที่เส้นแล้วแกว่งตัว โดดไปให้ไกลที่สุดครับ

  • นั่งงอตัว ก็คือการนั่งยืดขาตรงไปด้านหน้า แล้วก้มตัวเอามือยืนไปแตะปลายเท้าให้ไกลที่สุด ยิ่งมือเลยปลายเท้าไปมากเท่าไร คะแนนยิ่งมากครับ

  • วิ่ง 1,000 เมตร หรือ 1 กม.นั่นแหละครับ อันเนี้ยแอดมินเหนื่อยสุดเลยครับ ขอบอก ตอนสอบนี่เล่นเอาลิ้นห้อยเลย แต่ก็ผ่านมาได้

ว่ายน้ำ 50 เมตร ส่วนใหญ่สระว่ายน้ำของโรงเรียนเหล่าจะยาว 50 เมตรอยู่แล้วครับ ถือว่าเป็นสถานีปราบเซียนทีเดียว เพราะเหนื่อยพอสมควร และจะเหนื่อยมากสำหรับคนที่ว่ายน้ำอ่อน หรือไม่ค่อยได้มีโอกาสว่าย จากประสบการณ์ของแอดมินในการสอนกวดวิชา พบว่ามีนักเรียนหลายคนทีเดียว ที่ว่ายน้ำอ่อน บ้างก็มีว่ายน้ำไม่เป็น แอดมินแนะนำนะครับ เด็กควรหัดว่ายน้ำให้เป็นก่อนมาเรียนกวดวิชา หรือไปสอบจริง เพราะการตั้งใจมาหัดว่ายน้ำตอนเรียนกวดวิชาทำให้เสียเวลาเรียนมากนะครับ

ส่วนคะแนนแต่ละสถานีนี่ แต่ละเหล่าทัพกำหนดไว้ไม่เท่ากันครับ รายละเอียดสามารถดูได้จากระเบียบการรับสมัครสอบที่เราไปซื้อมาครับ

4.การสัมภาษณ์ท่วงทีวาจาและความเหมาะสม

อันนี้เป็นการสอบที่หลาย ๆ คนกลัว เพราะว่าไม่รู้ว่ากรรมการจะถามอะไร จะพบเจอกรรมการแบบไหน แต่แอดมินขอเสนอว่าไม่ต้องกังวลครับ ทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เต็มที่ กรรมการท่านถามอะไรมาก็ตอบไปแบบนั้น บางอย่างมั่วก็ได้ครับ ไม่ต้องเอาถูกเป๊ะ เช่น ถามเรื่องทั่ว ๆ ไปเกี่ยวกับการเรียนของเรา ชีวิตประจำวัน แนวคิด ทัศนคติ แต่ก็ไม่ใช่ว่านอนรอสบายใจก่อนไปสอบสัมภาษณ์นะครับ ความรู้ทางทหารเบื้องต้นก็ควรจะมีบ้าง เช่นรายชื่อ ผบ.ทบ. ผบ.ทหารสูงสุด ไรเงี้ย หรือไม่ก็ชื่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงเนี่ย ควรจะทราบเอาไว้บ้าง หรือข่าวสารบ้านเมือง อ่านเอาคร่าว ๆ พอครับ ไม่ต้องทุกตัวหนังสือในหนังสือพิมพ์ เลือกเฉพาะข่าวเด่น ๆ ก็พอ

เวลากรรมการท่านสั่งอะไรก็ขอให้ปฏิบัติตามโดยเร็วครับ องอาจผึ่งผาย เสียงดังฟังชัด แสดงถึงความมั่นใจ จะมาเป็นทหารแล้ว มาหงอยได้ยังไง จริงไหมครับ ตั้งสติให้ดี อย่าลนลาน ชิล ๆ ครับ แนะนำไว้ก่อน การตรวจโรคและการสอบสัมภาษณ์นี่ มีแก้ผ้าแน่นอนครับ แต่ไม่ต้องอาย กรรมการก็ผู้ชายทั้งนั้น หัดแก้ผ้าไว ๆ ไว้ครับ 555 ต่อไปก็เป็นคลิปแนะนำการสอบสัมภาษณ์ของเหล่า ทบ.นะครับ

เมื่อผ่านการสอบเหล่านี้แล้ว สุดท้ายก็รอลุ้นกันอีกทีล่ะครับ ว่าการประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านรอบสุดท้ายนั้น จะมีชื่อเราติดหรือเปล่า แอดมินขอแชร์ประสบการณ์ของตัวเองนะครับ การพบว่ามีชื่อตนเองสอบติดแล้วมันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีวันลืมเลยครับ เนื่องจากแอดมินเหนื่อยมากตอนเตรียมตัวอ่านหนังสือ ก็เลยอยากให้กำลังใจน้อง ๆ ทุกคนให้ฟันฝ่ามันไปให้ได้ ขอฝากคำคมไว้นิดนึงนะครับ "คนไม่เคยลำบาก ขึ้นไปอยู่บนที่สูงไม่ได้"

สำหรับตอนหน้า แอดมินจะมาเล่าเกี่ยวกับเทคนิคการเรียนกวดวิชาให้ได้ดี คาดว่าหลาย ๆ คนคงเริ่มมองหาที่เรียนพิเศษกันแล้ว ยังไง ๆ ก็ลองเอาเทคนิคจากแอดมินไปใช้นะครับ

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ : กว่าจะได้เป็นนักเรียนเตรียมทหาร ตอนที่ 1

การจะได้เป็นนักเรียนเตรียมทหารนั้น ไม่ใช่ว่าแค่คิดอยากเป็น ใช้ชีวิตไปวัน ๆ  อ่านหนังสือก๊อก ๆ แก๊ก ๆ แล้วก็ไปสอบ อย่าไปหวังว่าจะได้เลยนะครับ เพราะการสอบเตรียมทหารนั้น เป็นหารสอบที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง จำนวนคนสอบหลักหมื่น เทียบกับจำนวนผู้ที่ได้เป็นนักเรียนเตรียมทหารจริง ๆ นั้นมีเพียงหลักร้อยเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ใครที่อยากสอบได้ แล้วกำลังรู้สึกขี้เกียจอยู่ แอดมินแนะนำว่าควรรีบเตรียมตัวได้แล้วครับ จงยึดหลักที่ว่า "เวลาที่เรากำลังขี้เกียจ คู่แข่งของเรากำลังอ่านหนังสืออยู่" นะครับ

จากประสบการณ์ของแอดมินที่อยู่ในวงการนักเรียนเตรียมทหาร และนักเรียนเหล่ามาสิบกว่าปี ก็อยากจะมาแจกแจงถึงลำดับขั้นตอนต่าง ๆ ในการสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ไม่ว่าจะเหล่าใดก็มีลักษณะคล้าย ๆ กัน ซึ่งโดยภาพรวมแล้วก็พอจะสรุปได้ดังนี้ครับ

1. การสอบภาควิชาการ
2. การสอบรอบสอง

เห็นมีแค่ 2 รอบเอง อย่านึกว่าหมูนะครับ เพราะรายละเอียดปลีกย่อยมันค่อนข้างเยอะทีเดียว ซึ่งแอดมินคิดว่าสิ่งที่สำคัญสุด ๆ ไปเลยก็คือ ต้องผ่านรอบแรกไปให้ได้ก่อน ไม่ใช่ว่าการสอบรอบสองไม่สำคัญนะ สำคัญเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเตรียมร่างกายไปสอบรอบสองให้ดียังไง ถ้าสอบรอบแรกไม่ผ่านมันก็ไม่มีผลอะไรนะครับ

1.การสอบภาควิชาการ
จะเรียกว่าเป็นการสอบที่หินมาก ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะจะมีคู่แข่งเยอะมาก ซึ่งแต่ละคนก็สมัคร 4 เหล่ากันเป็นซะส่วนใหญ่ ตอนที่แอดมินไปสอบเหล่านึง ก็เจอคู่แข่งนี่แหละ พอไปสอบอีกเหล่านึง ก็เจอแต่หน้าเดิม ๆ วนเวียนไปมา ซึ่งคนที่ยึดคติว่าสอบทั้ง 4 เหล่านี่มักจะคิดเหมือน ๆ กันก็คือ "ติดเหล่าไหนก็เอาเหล่านั้น" จำนวนคนสอบมันเลยเยอะน่ะครับ

ทีนี้เนื้อหาที่ใช้ในการสอบภาควิชาการล่ะ มันมีอะไรบ้าง กี่ปี ๆ ก็เหมือนเดิมครับ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง วิชาที่ใช้สอบก็เป็นวิชาหลัก ๆ ที่เรียนกันอยู่ใน ม.ต้น หรืออาจมีบางข้ออยู่ในม.ปลายบ้าง ก็คือ

  • คณิตศาสตร์
  • วิทยาศาสตร์
  • ภาษาอังกฤษ
  • ภาษาไทยและสังคมศึกษา (รวม 2 วิชานี้เป็นหนึ่งเดียวกัน)
จากระเบียบการที่แอดมินได้ผ่านตามา โรงเรียนเหล่าทัพจะเน้นคะแนนไปที่คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ส่วนวิชาภาษาอังกฤษคะแนนจะลดหลั่นลงมา และน้อยที่สุดคือวิชาภาษาไทยและสังคมศึกษา เพราะฉะนั้นหลักง่าย ๆ ก็คือ ควรฟิตอ่านหนังสือโดยเน้นไปที่วิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เป็นหลัก แต่ก็ไม่ควรทิ้งอีกสองวิชาที่เหลือด้วยนะครับ 

คะแนนรวมของการสอบภาควิชาการจะมีอยู่ 700 คะแนน ซึ่งแค่วิชาคณิตศาสตร์+วิทยาศาสตร์ คะแนนรวมก็ปาเข้าไป 400 คะแนนแล้ว ดีไม่ดีมากกว่านี้อีก (เหล่าทหารเรือ คณิต 220 วิทย์ 220) ส่วนคะแนนที่เหลือก็ภาษาอังกฤษรวมกับภาษาไทยและสังคมศึกษาอีก 300 คะแนน (เหล่าทหารเรือ อังกฤษ 160 ภาษาไทยและสังคมศึกษา 100)

สำหรับรายละเอียดเนื้อหาที่ใช้ในการสอบนั้น มีค่อนข้างกว้าง คือ ม.ต้นทั้งหมดนั่นแหละครับ ซึ่งจะเน้นหนักไปที่ชั้น ม.3 แต่ก็ไม่สามารถทิ้งเนื้อหา ม.1-2 ไปได้ เพราะนั่นคือพื้นฐานของชั้น ม.3 ใครสนใจก็สามารถไปซื้อหนังสือสรุปเนื้อหาการสอบเข้าเตรียมทหารมาศึกษาได้ครับ ซึ่งบางเล่มก็จะมีทั้งการสรุปเนื้อหา ข้อสอบเก่าและเฉลย บางเล่มก็มีแต่ข้อสอบเก่า+เฉลยอย่างเดียว ลองเลือกหาเล่มที่ถูกใจมาอ่านและหัดทำข้อสอบเก่ากันครับ

สถานที่ที่ใช้สอบ
ทางโรงเรียนเหล่าทัพกำหนดสถานที่สอบไว้ดังนี้ครับ
  • โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ใช้ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(ศูนย์รังสิต) มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต (พัฒนาการ) และมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร
  • โรงเรียนนายเรือ ใช้ที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (บางนา)
  • โรงเรียนนายเรืออากาศ ใช้ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต)
  • โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ใช้ที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (หัวหมาก) และมหาวิทยาลัยรามคำแหง(บางนา)
  • ส่วนรายละเอียดวันสอบ สามารถอ่านได้ที่ อยากเป็นนายร้อยต้องรู้อะไรบ้าง ตอนที่ 2 ครับ
คำแนะนำในวันสอบ
จากประสบการณ์ของแอดมิน ที่ใช้เวลาในการสอบถึง 2 ปี กว่าจะได้เป็นนักเรียนเตรียมทหาร ขอให้คำแนะนำดังนี้ครับ
  • คืนก่อนสอบเข้านอนแต่หัวค่ำ สมองจะได้ปลอดโปร่ง เตรียมสู้ศึกหนักในวันพรุ่งนี้
  • ไปถึงสนามสอบก่อนเวลา ขี้หมูขี้หมาเลยนี่อย่างน้อย สัก 3 ชั่วโมงนะครับ จะได้มีเวลาเดินดูสถานที่ ผังห้องสอบ (ส่วนโต๊ะสอบเขาไม่ให้ดูหรอกครับ ดูได้แต่แผนผังที่จัดไว้ เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริต) มีเวลาเข้าห้องน้ำห้องส้วม และทานข้าว
  • รับประทานอาหาร และขับถ่ายเบา-หนัก ให้เรียบร้อย เนื่องจากเป็นการสอบที่ใช้เวลานาน ไม่ต่ำกว่า "ครึ่งวัน" เพราะฉะนั้นควรรับประทานอาหารก่อน ให้พออยู่ท้อง แต่ไม่ต้องอิ่มจนแน่นนะครับ ระหว่างทำการสอบ จนท.จะไม่อนุญาตให้ออกจากห้องสอบก่อนเวลา เว้นแต่เข้าห้องน้ำห้องส้วม ซึ่งก็จะมีเจ้าหน้าที่(นักเรียนเหล่านั้นแหละ) ติดตามไปด้วย และค้นร่างกายทุกครั้งหลังเข้าและออกห้องน้ำ
  • เตรียมอุปกรณ์เครื่องเขียนไปให้เพียงพอ ไม่มีการให้หยิบยืมกันนะครับ
  • ไม่ควรพกของมีค่ามากเกินไป เพราะวันสอบมีจำนวนคนมาก แค่นักเรียนที่มาสอบก็หลักหมื่นแล้ว ยังไม่รวมผู้ปกครองและญาติสนิทมิตรสหายของนักเรียนอีกด้วย หากเกิดการสูญหายแล้วจะหายากนะครับ
  • อย่าทุจริตในการสอบเด็ดขาด อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายนะครับ
  • อย่าหลงเชื่อบุคคลที่แอบอ้างว่ารู้จักคนใหญ่คนโต สามารถวิ่งเต้นให้สอบได้ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่าย(จำนวนมาก) ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเองครับ ลูกชาวนาชาวไร่ชาวสวนสอบติดเยอะแยะไป เพื่อนแอดมินหลาย ๆ คนที่บ้านเขาก็ทำนาครับ
เคล็ดลับในการเตรียมตัวสอบ
จากประสบการณ์ที่แอดมินเคยสอนกวดวิชาเข้าเตรียมทหารมา ขอสรุปให้สั้น ๆ ดังนี้นะครับ ส่วนรายละเอียดว่าทำอย่างไรบ้าง เดี๋ยวจะมาอธิบายให้ในตอนต่อ ๆ ไปครับ
  • เตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ ยิ่งเตรียมตัวเร็วตั้งแต่ ม.1 เลยยิ่งดีครับ เพราะความรู้ยิ่งแน่นยิ่งได้เปรียบ จากประสบการณ์โดยตรงที่แอดมินพบมา ไม่เคยเห็นนักเรียนคนไหนที่เพิ่งจะมาเตรียมตัวเอาตอนเรียนกวดวิชาเดือนมีนาคมก่อนสอบแล้วสอบติดเลย (ถ้าไม่ใช่คนหัวไบรท์จริง) ความจริงของโลกใบนี้ก็คือ คนเก่งแพ้คนขยันครับ
  • ทำข้อสอบเก่ามาก ๆ ยิ่งทำมากยิ่งได้เปรียบมาก ทำซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ยิ่งดีครับ ข้อสอบเตรียมทหารหลักสูตรที่รับนักเรียน ม.3 เริ่มเมื่อปี 2547 นะครับ สมมติว่าเหล่าละ 200 ข้อ 4 เหล่าก็เป็น 800 ข้อ ผ่านมา 7 ปีแล้ว ก็เป็น 5,600 ข้อ ใครอ่านใครหัดทำ 5,600 ข้อนี้ได้หมดแล้ว แอดมินรับรองว่าสอบได้แน่นอนครับ
  • รักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ไม่ใช่เฉพาะด้านวิชาการอย่างเดียวนะครับ ยังมีการสอบพละ ตรวจโรคตรวจร่างกาย สัมภาษณ์ ทดสอบสุขภาพจิตอีกด้วยครับ
เป็นยังไงบ้างครับ นี่เพียงแค่ข้อแรกนะครับ รายละเอียดยังขนาดนี้ แต่ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ครับ แอดมินก็เคยผ่านจุดนี้มา ขอรับรองว่า ถ้ามีความตั้งใจจริง เราต้องทำได้แน่นอนครับ สำหรับตอนนี้ แอดมินจะมาสาธยายการสอบในรอบที่ 2 ให้รับทราบกันนะครับ แล้วคุณจะได้รู้ว่า "หนทางมันไม่ได้โรยด้วยกลับกุหลาบ" จริง ๆ ครับ

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2555

อยากเป็นนายร้อยต้องรู้อะไรบ้าง? ตอน2

จากตอนที่แล้วที่ได้กล่าวไปถึงข้อ 1 นั่นก็คือต้องรู้จักโรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจกันไปเบื้องต้นแล้ว ตอนนี้ก็มาถึงข้อ 2 ครับ นั่นคือ รู้คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สอบเข้า

2.คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สอบเข้า

จากประสบการณ์ของผมเอง ซึ่งเคยเป็นทั้งคนสอบ มาเป็นคนสอนกวดวิชา รวมถึงเคยพานักเรียนไปสมัครสอบนั้น แต่ละโรงเรียนเหล่าทัพจะมีประกาศรับสมัครสอบออกมาในช่วงปลายเดือนธันวาคมจนถึงต้นเดือนมกราคมของทุกปี แต่ละเหล่านั้นจะกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัครสอบนั้นเหมือน ๆ กัน ซึ่งแอดมินพอจะสรุปคุณสมบัติสำคัญ ๆ ได้ดังนี้

2.1 เป็นชายโสด จบการศึกษาชั้น ม.3 หรือเทียบเท่า อันนี้หมายความถึง กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.3 ก็ได้ ซึ่งหากกำลังศึกษาอยู่ การสมัครสอบนั้นต้องแนบใบรับรองจากโรงเรียนด้วยว่ากำลังศึกษาอยู่ (ติดต่อขอรับได้จากฝ่ายธุรการเลยครับ)

2.2 อายุไม่ต่ำกว่า 14 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 17 ปีบริบูรณ์ โดยหลักการนับอายุจะไม่ดูวันเดือนที่เกิด จะดูเฉพาะปี พ.ศ.อย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น ในปี พ.ศ.2555 นี้ ผู้ที่มีสิทธิ์สมัครสอบ จะต้องเกิด พ.ศ.2555-17 = พ.ศ.2538 จนถึง 2555-14 = พ.ศ.2541 เท่านั้น หมายความว่า นักเรียนชั้น ม.3-4-5-6 ที่เกิดตั้งแต่ 1 ม.ค.38 เป็นต้นมา สามารถสมัครสอบได้ครับ

2.3 มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด และบิดา-มารดามีสัญชาติไทยโดยกำเนิดด้วย ยกเว้นแต่บิดาเป็นนายทหารและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรหรือชั้นประทวน มารดาจะไม่มีสัญชาติไทยโดยกำเนิดก็ได้

คุณสมบัติเบื้องต้นที่สำคัญมาก ๆ ก็มีดังที่กล่าวไปแล้วนะครับ ซึ่งรายละเอียดคุณสมบัติอื่น ๆ แต่ละเล่ากำหนดไว้แตกต่างกันเล็กน้อยมาก อย่างเช่น พิกัดน้ำหนักและส่วนสูง ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ผู้ที่สนใจสามารถดูได้จากระเบียบการใบสมัครสอบที่ไปซื้อได้ครับ ส่วนระเบียบการเบื้องต้นแอดมินได้รวบรวมไว้ให้ดาวน์โหลดกันไปได้เลยครับ ซึ่งขณะนี้ออกมาประกาศครั้งทั้ง 4 เหล่าแล้ว

คลิกเพื่อดาวน์โหลด ประกาศโรงเรียนนายเรือเรื่องรับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าเป็น นตท.ในส่วนของ ทร.ประจำปี 55
คลิกเพื่อดาวน์โหลด ประกาศโรงเรียนนายเรืออากาศเรื่องรับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าเป็น นตท.ในส่วนของ ทอ.ประจำปี 55
คลิกเพื่อดาวน์โหลด ประกาศโรงเรียนนายร้อยตำรวจเรื่องรับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าเป็น นตท.ในส่วนของ สตช.ประจำปี 55
คลิกเพื่อดาวน์โหลด ประกาศโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเรื่องรับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าเป็น นตท.ในส่วนของ ทบ.ประจำปี 55

ซึ่งปีนี้ รร.จปร.มีการรับสมัครทางอินเตอร์เน็ตด้วย ซึ่งเพิ่มเติมจากปีก่อน ๆ ที่รับสมัครทางไปรษณีย์และรับสมัครด้วยตนเอง

สำหรับการรับสมัครในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์จะเป็นการรับสมัครทางไปรษณีย์ ยกเว้นนายร้อยตำรวจซึ่งรับสมัครทางอินเตอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.เวลา 08.00 น. - วันที่ 2 มี.ค. เวลา 16.00น. ส่วนการไปสมัครสอบด้วยต้นเอง ทาง 3 เหล่าที่เหลือได้กำหนดไว้วันที่ 9-14 มีนาคมที่โรงเรียนนายเรืออากาศ ดอนเมืองครับผม

สำหรับการสอบรอบแรก (ภาควิชาการ) ทั้ง 3 เหล่าได้ประกาศออกมาแล้ว มีดังนี้ครับ

  • 1 เม.ย. สอบนายเรืออากาศ
  • 2 เม.ย. สอบนายร้อย จปร.
  • 5 เม.ย. สอบนายเรือ
  • 6 เม.ย. สอบนายร้อยตำรวจ
  • ประกาศผลสอบทางอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.54 
  • ประกาศผลสอบอย่างเป็นทางการและรายงานตัว 17 เม.ย.54 ที่โรงเรียนนายเรืออากาศ
หลังจากนั้นผู้ที่สอบผ่านภาควิชาการทั้งหมดจะเข้าสอบรอบสอง ซึ่งประกอบไปด้วยการสอบพลศึกษา สัมภาษณ์ ตรวจร่างกาย แล้วจึงคัดเลือก (หรือคัดออก) จนได้ตามจำนวนที่ต้องการแล้วประกาศผลอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 27 เม.ย.54

เห็นไหมล่ะครับ การจะเดินทางตามความฝันนั้นมันไม่ง่ายเลย ต้องใช้ความตั้งใจอุตสาหะและกำลังใจเป็นอย่างมากกว่าจะผ่านไปยังเส้นทางที่ตนเองฝันได้ แต่มันก็ไม่ไกลเกินจริงหรอกครับ สุดท้ายนี้ผมไปเจอคลิปนึงในยูทู๊ป เกี่ยวกับเส้นทางการสอบเข้าเตรียมทหาร ใครสนใจก็ดูไว้เป็นกำลังใจกันนะครับ


สำหรับในตอนหน้า ผมจะมาแจกแจงว่า การสอบแต่ละรอบนั้น มันมีอะไรบ้างครับ ไม่ว่าจะเป็นภาควิชาการ หรือการตรวจโรค ตรวจร่างกาย สัมภาษณ์ พร้อมแทรกประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆของตัวเองลงไปด้วย อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

อยากเป็นนายร้อยต้องรู้อะไรบ้าง?

คงมีเด็กวัยรุ่นอีกจำนวนไม่น้อยที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักเรียนเตรียมทหาร นักเรียนนายร้อย นักเรียนนายเรือ นักเรียนนายเรืออากาศ และนักเรียนนายร้อยตำรวจ ด้วยเหตุผลต่าง ๆ กันไป ไม่ว่าจะเป็นเพราะอยากใส่เครื่องแบบบ้าง (ประมาณว่ามันเท่ห์) อยากทำงานรับราชการเป็นทหารตำรวจบ้าง อยากรับใช้ชาติบ้าง หรืออาจจะเคยดูหนังสงครามแล้วเกิดความประทับใจอยากเป็นทหาร อยากขับรถถัง อยากขับเครื่องบิน อยากนั่งเรือรบ หรืออยากเป็นตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เหมือนพระเอกละครบ้างก็สุดแท้แต่ หรือบางเหตุผลก็มาจากคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกทำงานรับราชการที่มีความมั่นคง เพื่อตัวเองจะได้หายห่วงหายกังวลถึงอนาคตของลูกก็มีนะครับ

จากประสบการณ์ของตัวแอดมินเอง ที่เคยผ่านประสบการณ์เป็นนักเรียนมัธยมที่คร่ำเคร่งอ่านหนังสือสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย จนสอบไม่ติดในปีแรก แล้วมาสอบติดในปีถัดมา จนมาเป็นนักเรียนเตรียมทหาร 2 ปี นักเรียนนายร้อย จปร. 5 ปี (หลักสูตรปัจจุบัน เตรียมทหาร 3 ปี จปร.4 ปี) จนถึงปัจจุบัน (ม.ค.55) แอดมินเรียนจบแล้วรับราชการมา 6 ปีแล้วครับ ระหว่างที่เป็นนักเรียนเตรียมทหารก็เคยไปช่วยคุมเด็กนักเรียนตามค่ายติวกวดวิชาต่าง ๆ จนกระทั่งผันตัวมาสอนเองบ้าง ก็ได้พบเจอประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งจากตัวเด็กนักเรียนมัธยมเอง และจากผู้ปกครองที่ยังไม่ทราบข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปก็ยังมีคำถามเดิมที่แอดมินจะคอยตอบและให้คำปรึกษาอยู่เสมอ ๆ เนื่องจากตัวเด็กและผู้ปกครองบางคนไม่รู้เลยว่าอยากเป็นนายร้อยต้องทำอย่างไร กว่าจะได้เตรียมพร้อมหรือเตรียมตัวก็สายเสียแล้ว ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่า ๆ ตั้งนานจนเลยกำหนดที่จะสอบได้ แอดมินจึงได้ประมวลประสบการณ์ที่พบเจอมาถ่ายทอดให้ผู้ที่สนใจได้รับทราบกันครับว่า "อยากเป็นนายร้อยต้องรู้อะไรบ้าง?" ก็มีดังนี้ครับ

1.รู้จักโรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนเหล่าทัพ
2.รู้คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สอบเข้า


1.รู้จักโรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนเหล่าทัพ

1.1 โรงเรียนเตรียมทหาร ตั้งอยู่ที่ ต.ศรีกะอาง อ.บ้านนา จ.นครนายกครับ ถามว่าโรงเรียนนี้ทำอะไร ก็ตามชื่อโรงเรียนนั่นแหละครับ ว่าเตรียมทหาร ผู้ที่จะผ่านไปเป็นนักเรียนนายร้อย 4 เหล่าล้วนต้องผ่านโรงเรียนเตรียมทหารก่อน (ยกเว้นนักเรียนจ่าอากาศและจ่าทหารเรือ ที่คัดนักเรียนผลการเรียนดีเยี่ยมไปศึกษาต่อยังโรงเรียนนายเรือ และนายเรืออากาศได้เลย ส่วนโรงเรียนนายร้อยตำรวจจะมีโควต้าให้นักเรียนพลตำรวจสอบเข้าศึกษาต่อยังโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้เลย)

โรงเรียนเตรียมทหารมีแต่นักเรียนชายนะครับ นักเรียนหญิงไม่รับ โดยจะให้การศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์-คณิต (ม.4-ม.6) และฝึกอบรม ปลูกฝังนิสัย   อุปนิสัย  วินัย  จิตวิทยาและการนำทหาร  พลศึกษา  วิชาทหาร-ตำรวจเบื้องต้น  เพื่อให้มีลักษณะเป็นนายทหารนายตำรวจสัญญาบัตรที่ดี เรียกง่าย ๆ ว่าการฝึกทหารนั่นแหละครับ แต่เป็นเพียงระดับเบื้องต้นเท่านั้นเอง เพราะนักเรียนเองก็ยังเด็กอยู่ และเมื่อนักเรียนเตรียมทหารจบการศึกษา 3 ปีแล้ว (เทียบเท่า ม.6) ก็จะถูกส่งตัวไปศึกษาต่อยังโรงเรียนเหล่าทัพโดยอัตโนมัติ หมายความว่า ไม่ต้องสอบอีกแล้ว แต่ต้องเรียนให้ผ่านตามกฎข้อบังคับของโรงเรียนเตรียมทหาร นั่นคือเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.00 และไม่มีรายวิชาใดที่ติด F อยู่ ถ้าติด F ต้องรีบแก้ให้ผ่านไม่งั้นซ้ำชั้นไม่รู้ด้วย รายละเอียดเกี่ยวกับโรงเรียนเตรียมทหารเพิ่มเติมสามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์โรงเรียนเตรียมทหารได้ที่นี่เลยครับ เว็บไซต์โรงเรียนเตรียมทหาร
ภาพนักเรียนเตรียมทหารครับ เครื่องแบบมีหลายชุด ส่วนอาคารด้านหลังคือกองบัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร เรียกกันสั้น ๆ ว่า "ตึกวาย" (Y) เพราะมองจากมุมสูงแล้วเหมือนตัวอักษร Y นั่นเอง

คลิปนี้แอดมินเสิร์ชหามาจากในยูทู๊ปครับ เป็นภาพประกอบเพลงผู้ชนะ ของเสก โลโซ ซึ่งอธิบายถึงความยากลำบากกว่าจะเป็นนักเรียนเตรียมทหารได้ค่อนข้างดีครับ



เมื่อผ่านความยากลำบากกว่าจะสอบเข้าได้แล้ว คลิปต่อมาก็เป็นมาร์ขนักเรียนเตรียมทหารครับ
ซึ่งเป็นเพลงที่แอดมินเคยร้องทุกเช้าเวลา 05.30 น.เมื่อต้องออกวิ่งครับ วิ่งไป หลับไป ร้องเพลงไป 
ยังทำได้เลยครับ 555

1.2 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เรียกกันสั้น ๆ ว่าโรงเรียนนายร้อย จปร.ครับ ตั้งอยู่ที่ ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงเรียนเตรียมทหารนั่นเอง ห่างกันประมาณ 5 กม.ได้ครับ รถยนต์ก็ประมาณ 10 นาที หรือจะเดินข้ามจากเขาคอก มาลงเขาชะโงกในโรงเรียนนายร้อยก็ได้ ใช้เวลาครึ่งวัน (ไม่ได้พูดเล่นนะครับ ผมเคยเดินจริง ๆ 555) ซึ่งเรื่องราวในโรงเรียนนายร้อยนี่แอดมินสามารถสาธยายได้ยาวหน่อยเพราะได้มาจากประสบการณ์จริง ซึ่งจะไว้เล่าในคราวต่อ ๆ ไปนะครับ

โรงเรียนนายร้อย จปร.จะทำการประกาศรับสมัครสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก (เรียกกันสั้น ๆ ว่าเหล่า ทบ.) โดยรับนักเรียนที่มีวุฒิ ม.3 หรือเทียบเท่าและอายุอยู่ในช่วง 14-17 ปี เท่านั้น เมื่อคัดเลือกผู้ที่สอบผ่านได้ตามจำนวนที่กำหนดแล้วก็จะส่งนักเรียนไปศึกษายังโรงเรียนเตรียมทหารก่อน เมื่อนักเรียนเตรียมทหารที่จบจากชั้นปีที่ 3 มาแล้ว นักเรียนเตรียมทหารเหล่า ทบ.นี้ก็จะถูกส่งมาศึกษาต่อยังโรงเรียนนายร้อย จปร.โดยอัตโนมัติครับ ซึ่งต้องศึกษาต่ออีกอย่างน้อย 4 ปีจึงจะจบการศึกษาติดดาวยศร้อยตรีบนบ่าต่อไปครับ

นักเรียนนายร้อย จะเข้ารับการศึกษาในหลักสูตรปริญญาตรี รวมถึงการฝึก ศึกษาวิชาทหารในด้านต่าง ๆ ตามภารกิจของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าที่ว่า

รงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า มีหน้าที่ให้การศึกษา อบรม และดำเนินการฝึกนักเรียนนายร้อย 
มีผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เป็นผู้บังคับบัญชา
รับผิดชอบปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรการศึกษาสำหรับนักเรียนนายร้อย
ให้มีความเหมาะสม ก้าวหน้า ทันสมัย และได้มาตรฐาน  
รวมทั้งสอดคล้องกับความต้องการของกองทัพบก สถานการณ์ และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป

เมื่อจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าแล้ว ก็จะได้ประดับยศร้อยตรี รับปริญญาบัตร โดยมีวุฒิการศึกษาปริญญาตรีตามสาขาที่ตนเลือกเรียน รับพระราชทานกระบี่ และได้บรรจุเข้ารับราชการในกองทัพบกต่อไปครับ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้จาก เว็บไซต์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

รูปภาพนักเรียนนายร้อยในเครื่องแบบชุดต่าง ๆ ครับ


คลิปรายการสยามเช้านี้เกี่ยวกับโรงเรียนนายร้อย จปร.ครับ ประกอบเพลงที่แอดมินต้องร้องขณะรวมแถววิ่งออกกำลังกายยามเช้ามืด (เช่นเคย) ใครที่อยากสอบเข้าได้ แนะนำให้ดูคลิปนี้ โดยเฉพาะในช่วงนาทีที่ 5:25 เป็นต้นไปนะครับ 

1.3 โรงเรียนนายเรือ หรือให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าโรงเรียนนายร้อยทหารเรือนั่นแหละครับ มีปรัชญาคือ "แหล่งผลิตนายทหารเรือ อันเป็นรากแก้วของกองทัพเรือ" ตั้งอยู่ที่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของกองทัพเรือในระดับอุดมศึกษา โดยทำการรับสมัครผู้ที่มีคุณสมบัติเดียวกันกับที่โรงเรียนนายร้อย จปร.กำหนดนั่นแหละครับ เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพเรือ เมื่อคัดเลือกผุ้สมัครสอบผ่านได้แล้วก็จะส่งไปศึกษายังโรงเรียนเตรียมทหารเป็นเวลา 3 ปี เมื่อจบการศึกษาแล้วก็จะเข้าศึกษาต่อไปยังโรงเรียนนายเรือโดยอัตโนมัติ ซึ่งโรงเรียนนายเรือก็จะให้การศึกษาในระดับปริญญาตรีและฝึกอบรมให้แก่นักเรียนนายเรือ เป็นเวลา 4 ปี ให้เป็นนายทหารสัญญาบัตรหลักของกองทัพเรือต่อไปครับ

เมื่อจบการศึกษาชั้นปีที่ 4 แล้ว นักเรียนนายเรือก็จะประดับยศเรือตรี รับปริญญาบัตรตามสาขาที่ตนจบมา รับพระราชทานกระบี่และบรรจุเข้าทำงานในกองทัพเรือต่อไปครับ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถค้นหาจาก  เว็บไซต์โรงเรียนนายเรือ

นักเรียนนายเรือในเครื่องแบบสีขาวสะอาดสุดเท่ห์




คลิปยูทู๊ปเพลงออกทะเลครับ ขออภัยเจ้าของคลิปด้วย แอดมินเห็นว่าภาพเยอะดีเลยเอามาเผยแพร่ต่อครับ

1.4 โรงเรียนนายเรืออากาศ หรือนายร้อยทหารอากาศนั่นแหละครับ ตั้งอยู่ที่ถนนพหลโยธิน ดอนเมือง กรุงเทพฯนี่เอง เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาหลักของกองทัพอากาศเลย ใครที่ขับรถผ่านเส้นพหลจากสะพานใหม่ตรงไปคงเคยเห็นบ้าง อยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลภูมิพลนัก แน่นอนครับ โรงเรียนนายเรืออากาศจะรับสมัครผู้มีคุณสมบัติตรงกับโรงเรียนนายร้อยและโรงเรียนนายเรือ เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพอากาศเช่นกัน แล้วคัดเลือกผู้ที่สอบได้ ไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร 3 ปี เมื่อจบเตรียมทหารแล้วจะเข้าศึกษาต่อยังโรงเรียนนายเรือกอากาศโดยอัตโนมัติ เป็นเวลา 4 ปี โดยจะได้รับการฝึกอบรม ทั้งวิชาการและวิชาทหาร เมื่อจบการศึกษาแล้วก็จะประดับยศเรืออากาศตรี รับปริญญาตามสาขาที่ตนเลือกเรียน รับพระราชทานกระบี่ และบรรจุเข้าเป็นนายทหารสัญญาบัตรของกองทัพอากาศต่อไป ข้อมูลเพิ่มเติมที่ เว็บไซต์โรงเรียนนายเรืออากาศ

นักเรียนนายเรืออากาศครับ หล่อ ๆ น่ากินกันทั้งนั้นเลย



คลิปนักเรียนนายเรืออากาศ รุ่นที่ 57 รุ่นน้องของแอดมินครับ (เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารของแอดมินเป็นนายเรืออากาศรุ่น 49)

1.5 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ตั้งอยู่ที่ อ.สามพราน จ.นครปฐมครับ (ตอน ม.4 แอดมินอกหักสอบตกรอบ 2 ก็ที่นี่แหละครับ) มีหน้าที่ดำเนินการให้การศึกษาและผลิตนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจะทำการคัดเลือกผู้ที่สอบผ่านส่งไปเรียนยังโรงเรียนเตรียมทหารเป็นเวลา 3 ปี เมื่อจบการศึกษาแล้วก็จะเข้ารับการศึกษาต่อยังโรงเรียนนายร้อยตำรวจโดยอัตโนมัติเป็นเวลาอีก 4 ปี เมื่อจบการศึกษาแล้วก็จะปรับดับยศร้อยตำรวจตรี รับปริญญาบัตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต รับพระราชทานกระบี่ และบรรจุเข้ารับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยอัตโนมัติ รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ เว็บไซต์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งปัจจุบันรับนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงได้ด้วย (วุฒิ ม.6)

นักเรียนนายร้อยตำรวจครับ หล่อเหลากันทั้งนั้น



ส่วนนี่เป็นคลิปนักเรียนนายร้อยตำรวจลอดซุ้มกระบี่ครับ

เป็นยังไงบ้างครับ แนะนำไปเล็ก ๆ น้อย สำหรับโรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนเหล่าทัพที่ 4 พอหอมปากหอมคอนะครับ ก่อนที่จะสอบเข้าก็ควรจะทำความรู้จักกับสถาบันนั้น ๆ กันสักเล็กน้อยก่อน จะเห็นได้ว่าการจะเป็นนักเรียนนายร้อยไม่ว่าจะเหล่าใดก็ตามนั้นมันไม่ง่ายเลย จะต้องผ่านการเป็นนักเรียนเตรียมทหารก่อนครับผม เส้นทางสู่ดาวนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน ดังคำกล่าวที่ผมต้องท่องและได้ยินมาตั้งแต่เป็นนักเรียนเตรียมทหารที่ว่า "ทางไปสู่เกียรติศักดิ์ จักประดับดอกไม้ หอมยวลชวนจิตไซร้ บ่มีฯ" และคำกล่าวที่ว่า "ความลำบากที่เกินทน จะหลอมคนให้เป็นควาย เอ้ย จะหลอมคนให้ทนทาน" ซึ่งทุกวันนี้ผมยังจำได้ขึ้นใจ 

สรุป
  • โรงเรียนเตรียมทหาร เป็นระดับ ม.ปลาย
  • ก่อนเรียนโรงเรียนนายร้อย 4 เหล่า ต้องผ่านโรงเรียนเตรียมทหารก่อน 
  • ใช้วุฒิ ม.3 สอบเข้า รับเฉพาะเด็กผู้ชาย ยกเว้นนายร้อยตำรวจ รับเพศหญิง วุฒิ ม.6
  • จบนายร้อย 4 เหล่า ได้วุฒิ ป.ตรี พร้อมประดับยศ ร้อยตรี เรือตรี เรืออากาศตรี และร้อยตำรวจตรี และบรรจุเข้ารับราชการ
สำหรับในบทความครั้งหน้า ผมจะมาอธิบายให้ทราบว่า คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สอบเข้า ต้องมีอะไรบ้าง เพื่อจะได้เป็นการเตรียมพร้อม เตรียมตัว สำหรับน้อง ๆ นักเรียนมัธยม ผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นทหาร-ตำรวจกันครับ